Original Text : https://www.permaculturenews.org/what-is-permaculture/
เพอร์มาคัลเจอร์ หรือในภาษาไทย แปลว่า กสิกรรมยั่งยืน ลอกเลียนลักษณะความเป็นระบบปิด ไร้กากปฏิกูล และเปี่ยมไปด้วยความหลากหลายของระบบนิเวศน์ธรรมชาติ ในทางปฏิบัติ เพอร์มาคัลเจอร์ หมายถึงการนำคุณประโยชน์ของที่ดิน ทรัพยากรณ์ ผู้คน และธรรมชาติมาผสานกัน เพื่อการทำประโยชน์ต่อองค์รวม การทำเพอร์มาคัลเจอร์ จึงเป็นการศึกษาและประยุกต์ใช้กระบวนการแก้ปัญหาอย่างเป็นองค์รวม ซึ่งสามารถใช้ได้กับบริบททางชนบท และสังคมเมือง ในขนาดใดก็ได้ ศาสตร์การทำเพอร์มาคัลเจอร์เป็นแนวคิดที่ผสานเอาศาสตร์หลายแขนงเข้าด้วยกัน อาธิ เช่น ศาสตร์การเกษตร การจัดการ การหมุนเวียน คุณสมบัติของน้ำ การจัดการพลังงาน สถาปัตยกรรมธรรมชาติ เทคโนโลยีที่เหมาะสม ศาตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและชุมชน
คำว่าเพอร์มาคัลเจอร์ (คิดค้นขึ้นครั้งแรกโดย บิล มอลิสสัน จากการผสานคำว่า agriculture เข้ากับ permaculture) สื่อถึงการออกแบบระบบนิเวศน์กสิกรรม ซึ่งสามารถสร้างผลผลิตทางการเกษตร อันธำรงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมีเสถียรภาพ และยั่งยืน ที่ซึ่งผู้คนสามารถดำรงอยู่ได้อย่างกลมกลืนกับสภาพพื้นที่ โดยมีทั้งอาหาร พลังงาน และที่อยู่ หากที่สังคมเราปราศจากเพอร์มาคัลเจอร์แล้วไซร้ ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่ระเบียบทางสังคมเรา จะมีเสถียรภาพ
การออกแบบเพอร์มาคัลเจอร์ คือระบบการออกแบบ ที่รวบรวมแนวคิด วัสดุ และองค์ประกอบสำคัญมาจัดเรียงให้เอื้อประโยชน์ต่อสรรพชีวิต ทั่วถึงกัน
ปรัชญาเบื้องหลังกระบวนการทำเพอร์มาคัลเจอร์ คือการทำงานร่วมกับธรรมชาติ มิใช่ขืนขัด คือการครุ่นคิด สังเกต อันยาวนาน มิใช่การกระทำอันไร้ความคิด เป็นการสังเกตดูระบบการทำงานทั้งหมด แทนที่จะปรารถนาให้ระบบยังผลหนึ่งใดให้ เป็นการอนุญาตให้ระบบนิเวศน์แสดงศักยภาพที่แท้จริงจากสายวิวัฒนาการออกมา
พื้นฐานของการกสิกรรมเพอร์มาคัลเจอร์ คืองานออกแบบที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นจึงสามารถเพิ่มเข้าไปในหลักสูตรการฝึกฝนศีลธรรมและทักษะต่าง ๆ ได้ และสามารถเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทั้งหมดของมนุษย์ แต่ในเชิงภูมิทัศน์ เพอร์มาคัลเจอร์มุ่งประเด็นไปที่ถิ่นที่มีการอาศัยอยู่และพื้นที่การเกษตร เกือบทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความคุ้นเคยและวิธีคิดใหม่
ผลลัพธ์หนึ่งของการใช้ทักษะเราในการผสมมผสานแหล่งอาหารเข้ากับถิ่นที่อยู่ ในการรับน้ำจากหลังคา และหาฟืนจากผืนป่าใกล้ ๆ ที่เป็นแหล่งรับของเสียและมอบพลังงานให้ คือการที่เราสามารถฟื้นฟูระบบนิเวศน์ธรรมชาติ การฟื้นฟูนี้ ย่อมไม่อาจพิจารณาได้ว่า เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์เราเลย เว้นเสียแต่ในกรอบใหญ่ ของสุขภาวะโลก
ข้อแตกต่างเพียงประการเดียวระหว่างระบบนิเวศน์ที่ได้รับการออกแบบ อย่างเพอร์มาคัลเจอร์ กับนิเวศน์ธรรมชาติ คือการที่สายพันธุ์พืช (และชีวมวล) ส่วนใหญ่ในระบบนิเวศน์ที่ได้รับการออกแบบ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ หรือสัตว์เลี้ยงของเรา ขณะที่ในธรรมชาติแท้จริง มนุษย์เราเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติทั้งหลาย ที่ดำรงอยู่มาแต่บรรพกาล ผลผลิตเพียงเสี้ยวเดียวจากนิเวศน์ธรรมชาตินั้นจึงตกเป็นของเรา แต่ในแปลงเกษตรที่เราออกแบบ พืชทั้งหมดผ่านการคัดสรรค์เพื่อสร้างผลผลิต หรือยังประโยชน์กับมนุษย์ในทางใดทางหนึ่ง การออกแบบบ้านเรือนเรามักเป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ เป็นแนวคิดที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ใช่ สำหรับการออกแบบถิ่นที่อยู่ แต่เราก็จำเป็นต้องคำนึงถึงการอนุรักษ์ความเขียวขจีแวดล้อมเรา ซึ่งมนุษย์เราไม่อาจทำอะไรได้มากนัก หากเราไม่ควบคุมกิเลศ และไม่ตอบสนองความต้องการของเราจากพื้นที่ภายในบ้านเรือนที่เราดำรงอยู่ หากมนุษย์เราสามารถสร้างความยั่งยืนจากภายในได้ เราก็สามารถถอนตัวออกมาจากพื้นที่การเกษตรอันกว้างใหญ่ ให้นิเวศน์ธรรมชาติได้มีโอกาสเฟื่องฟู
การนำสารอาหารและพลังงานในธรรมชาติมาหมุนวนใช้งาน เป็นหน้าที่หนึ่งของสายพันธุ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติ พื้นที่ในสวนของเรา จึงเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะคืนของเสีย (ในรูปแบบปุ๋ย หรือของหมัก) สู่ฝืนดินและพืชพรรณ ที่ซึ่งเราสามารถช่วยสร้างดินขึ้นมาใหม่ เฉกเช่นเดียวกับในธรรมชาติ ที่มีสิ่งมีชีวิตมากมายคอยทำหน้าที่นี้ รอบ ๆ บ้านของเรา เราสามารถหาน้ำมาให้แปลงเกษตร แต่มนุษย์เรากลับเอาแต่พึ่งพาผืนป่าธรรมชาติในการหมักใบไม้ใบหญ้า และพึ่งพาหมู่เมฆาให้คงคาใสสะอาดยังคงไหล ให้โลกยังคงมีชั้นบรรยากาศ เอาแต่พึ่งพาให้ธรรมชาติกักเก็บแก๊สผลพิษให้ เฉกเช่นนั้นเอง แม้แต่มนุษย์ที่เห็นแก่ตัวที่สุด ก็ยังควรใส่ใจและให้ความช่วยเหลือ ในการอนุรักษ์ผืนป่าที่ยังดำรงอยู่ และช่วยอนุรักษ์สายพันธุ์ต่าง ๆ ให้มีถิ่นที่อยู่ ดำรงอยู่สืบไป
มนุษย์เราได้รังควานทำลายล้างระบบนิเวศน์ธรรมชาติ ต่าง ๆ ที่เราไม่จำเป็นต้องไปรบกวนเลย หากเพียงเราใส่ใจกับสวนในบ้านและถิ่นที่อาศัย ถ้าเราจำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมอันใด ต่อนิเวศน์ธรรมชาติ ก็ขอให้เป็นดังนี้เถิด
- ต่อต้านการรบกวนผืนป่าธรรมชาติที่คงเหลืออยู่ อย่างถึงที่สุดเพราะผืนป่าธรรมชาตินี้ยังคงเป็นพื้นที่ ที่สิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ ต่าง ๆ ยังสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างสมดุล
- ฟื้นฟูธรรมชาติที่เสื่อมโทรมและเสียหายไปอย่างแข็งขัน ให้มีความมั่นคง
- สร้างระบบพืชพรรณอันยั่งยืนบนพื้นที่ขนาดเล็กที่สุด เพื่อใช้ในการดำรงอยู่ของเรา และ
- สร้างถิ่นที่อยู่ให้กับพืชและสัตว์ที่หายากหรือใกล้สูญพันธุ์
เพอร์มาคัลเจอร์คือระบบการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมข้อที่สาม จากข้างต้น แต่ผองคนทั้งหลายที่ปฏิบัติตนด้วยความรับผิดชอบต่อธรรมชาติ มักจะข้องกี่ยวกับศีลธรรมข้อที่ 1 และ 2 เท่านั้น พวกเราเชื่อว่าเราควรใช้สิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์ที่เราจำเป็นต้องใช้หรือสามารถหาได้ อย่างยั่งยืน ในพื้นที่อาศัยที่เราออกแบบมา ตราบเท่าที่สายพันธุ์นั้น ๆ ไม่ไปรบกวนรุกรานสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในอาณาบริเวณเดียวกัน
